เปิดประเด็น
โดย อ้ายขวัญ จันดา
บทบาทเทคโนโลยีกับวิถีการอ่าน
ของวัยรุ่น
จับกระเเสการอ่านหนังสือของวัยรุ่นไทยท่ามกลางยุคสมัย เทคโนโลยีนิยม ของท่านผู้นำประเทศคนปัจจุบัน ก็คงไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่าวิถีการอ่าน...ของวัยรุ่นยุคนี้ เริ่มเข้าสู่มุมมืดมากขึ้นทุกที จากผลการวิจัยล่าสุดพบว่าประชาชนคนไทยเฉลี่ยเเล้วอ่านหนังสือกันค่อนข้างน้อย คือ ๖ บรรทัดต่อปี แต่กลับดูทีวีมากถึง ๓ ชั่วโมง๕๐ นาทีต่อวัน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะยุคกระเเสบริโภคนิยม ผนวกกับยุคเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการเสพข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัย จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ในการบริโภคข่าวสารให้กับประชาชน โดยเฉพาะวัยรุ่นที่หลงใหลในเทคโนโลยีจนกลายเป็นกระเเสเเฟชั่น ซึ่งนับว่าเป็นจุดอันตรายอย่างยิ่ง ของคนที่จะขึ้นไปสู่พลพรรคปัญญาชนในสังคม
ภายใต้กฎเกณฑ์กระเเสสังคมอิเล็กทรอนิกส์ หากจะมองอีกเเง่มุมหนึ่ง มันก็คงไม่ผิดมากนักเพราะประดิษฐกรรมเหล่านี้ล้วนเเล้วแต่ถูกคิดเเละสร้างสรรค์มาจากหัวสมองของมนุษย์ที่มุ่งหวังจะพัฒนาวัตถุอันเกิดจากจินตนาการที่บรรเจิดเพริศเเพร้วขึ้นมาเพียงเพื่อสนองความต้องการของตน
หากลองเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนาเเล้ว หรือกำลังพัฒนาบางประเทศจะเห็นได้ว่าประชากรส่วนใหญ่ ให้ความสนใจในการอ่านหนังสือกันมาก ซึ่งนอกจากจะเป็นการยกระดับคุณภาพทางด้านต่าง ๆ แล้วยังถือเป็นบรรทัดฐานของการเรียนรู้เเละเป็นฐานในการพัฒนา โดยเฉพาะวัยรุ่นหนุ่มสาวก็ยังนิยมท่องโลกด้วยตัวอักษรของหนังสือมากกว่าการท่องโลกด้วยอักษรของหน้าจอคอมพิวเตอร์ เเต่สิ่งที่ปรากฎกับวัยรุ่นไทยอยู่ในขณะนี้กลับสวนทางกับกระแสโลก นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ต้องกลับมาขบคิด
หลายครั้งที่ต้องตั้งคำถามกับตัวเองในสิ่งที่ได้พบเห็นกับวิถีการอ่าน
ของวัยรุ่นในยุคนี้ว่า ทำไมเหล่าวัยโจ๋วัยจ๊าบถึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องของการอ่านหนังสือทั้ง ๆ ที่หนังสือจะเป็นตัวเพิ่มพูนสติปัญญาให้พวกเขาได้ฉลาดรอบรู้ เสริมสร้างแนวความคิดให้เเตกฉานในการดำเนินชีวิต เเละเเยบยลในการเเก้ปัญหาต่าง ๆ ของเเต่ละช่วงจังหวะชีวิต เเล้ววัยรุ่นยุคนี้ เขาเสพหรือเเสวงหาความรู้มาเป็นอาหารสมองกันอย่างไร ?
ท่ามกลางความพลุกพล่านของผู้คนที่เดินกันขวักไขว่เรียงรายตามบาทวิถี ส่ำเสียงเเห่งมหานครเเฟชั่นที่เต้นเร่าชวนให้พิสมัยอย่างย่านสยามสเเควร์ดินเเดนที่เปรียบดังสวรรค์ของวัยรุ่น ผมเดินปะปนไปกับผู้คนเผื่อว่ามันจะทำให้ผมดูกลมกลืนกับกระเเสเเฟชั่นของวัยรุ่นสมัยนี้
หากจริง ๆ เเล้ว เมื่อเหลียวมองดูตัวเองขณะนี้ เปล่า! ผมหาได้ดูกลมกลืนไปกับพวกเขาเหล่านั้น ทั้งเสื้อ ผ้า การเเต่งตัวยิ่งทำให้ผมดูแตกต่างกับผู้คนและสถานที่นี้ราวฟ้ากับดิน และเหตุที่ทำให้ผมต้องมาเดินปะปนอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยนักแห่งนี้ ก็เพื่อหาคำตอบให้กับคำถามและข้อสงสัยต่าง ๆ ที่มันคั่งค้างอยู่ในหัวสมองของผมจะได้ถูกเฉลยให้หายกังขาเสียที
หนังสือหรือพี่ อ่านซิ หนังสือที่จะสอบนะ หนึ่ง ตอบคำถามได้อย่างไม่ต้องคิด
ถ้าไม่สอบก็ไม่อ่าน หร๊อก เธอลากเสียงยาวคล้ายจะบงบอกถึงอารมณ์ความเบื่อหน่ายที่ต้องพูดถึงการอ่านหนังสือเสียเต็มประดา
ไม่รู้ว่าอ่านเเล้วจะเอาไปใช้ประโยชน์อย่างไร อ่านเสร็จ สอบเสร็จ ก็ลืม ไม่ได้เอาไปใช้สักหน่อย โน่น มันต้องอย่างโน้น หลักการใช้ชีวิตให้ดำรงคงอยู่กับสภาพสังคมในปัจจุบันต่างหากที่ต้องเรียนรู้ มันน่าจะมีความจำเป็นมากกว่าที่จะมาท่องจำจากตำรา มันต้องเจอกับสถานการณ์ของสังคมเเล้ว เอาสถานการณ์มาสั่งสมเป็นประสบการณ์ที่ได้จากสังคม เพื่อมาเป็นเเหล่งความรู้ เเล้วนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันในช่วงวัยของหนู คงจะดีกว่า
เเต่ถ้าจะให้พูดถึงหนังสือกับวัยรุ่นสมัยนี้จากที่เห็นมา หรือจากเพื่อน ๆ ที่คบกันอยู่ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอ่านหนังสือ น้อยนะ ที่จะเห็นคนรุ่นหนูใช้เวลาว่างหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน เห็นส่วนใหญ่พอว่าง ไม่เปิดทีวี ก็เปิดคอม ฯ เล่นเน็ต ซึ่งมีทั้งภาพ สีสัน ชวนให้ติดตาม บางคนถึงกับติด อย่างวันใหนถ้าไม่ได้เล่นคอม ฯ หรือท่องเน็ตจะรู้สึกหงุดหงิดอย่างไรไม่รู้ อีกอย่างวัตถุทันสมัยเหล่านี้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ เเละที่สำคัญไม่ถูกเพื่อน ๆ กล่าวหาว่าล้าสมัย เเถมยังสนุกอีกด้วย
ถ้าหนูจะเลือกอ่านหนังสือซักเล่มนะ ขอเลือกอ่านอะไรที่มันอ่านง่าย ๆ สบาย ๆ อย่างเช่น หนังสือบันเทิง หรือเกร็ดความรู้ต่าง ๆ โดยเฉพาะเกร็ดความรู้ว่าจะทำอย่างไรให้รู้เท่าทันพวกผู้ชาย การใช้ชีวิตให้รู้เท่าทันสังคมสมัยนี้ก็คงได้ เเต่จะมาให้อ่านหนังสือที่มีเนื้อหาหนัก ๆ อย่างการเมืองที่ด่ากันไปด่ากันมาคงไม่เอา
ทางด้านน้องเมย์สาวหน้ากลมรูปไข่ ซึ่งมีสไตล์การเเต่งตัวที่เข้ายุคสมัยด้วยเสื้อสายเดี่ยวตามสมัยนิยม หลังจากนั่งนิ่งฟังการสนทนา ก็เริ่มจะแสดงความคิดเห็นกับหัวข้อการสนทนาถึงเรื่องราวการเเสวงหาความรู้ในมุมมองของเธอที่เป็นเรื่องราวหรือฉากชีวิตเล็ก ๆ เปรียบเสมือนมีรั้วมากักกั้นระหว่างโลกของวัตถุเเละโลกของหนังสือซึ่งทั้งสองสิ่งน่าจะมีส่วนช่วยผลักดันให้ชีวิตของเธอมีความรู้เท่าทันกับสภาพสังคมที่เป็นอยู่เฉกเช่นทุกวันนี้ เเล้วเธอจะมีวิธีการบริโภคมันอย่างไร
สำหรับเมย์เองก็อ่านหนังสือเหมือนกัน ไม่ได้ปฎิเสธว่าจะต้องอ่านหนังสือเรียนหรือเสพข้อมูลจากวัตถุเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว อย่างหนังสือนิตยสารบันเทิง หรือหนังสือการ์ตูนของต่างประเทศ ก็อ่านบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลาย แต่ก็ไม่ถือว่าอ่านบ่อยนัก นอกจากนี้เเหล่งความรู้ที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่คิดว่าได้มา คือการได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิต จากการที่มีโอกาสพูดคุยกับคนวัยเดียวกัน ที่นอกเหนือจากตำราเรียนทั่ว ๆ ไป หรือเเม้กระทั่งอินเตอร์เน็ตที่จะให้ความรู้เเละเเนวคิดเฉพาะที่คนเขียน เขียนไว้เท่านั้น เเต่ถ้าเป็นการพูดคุยมันได้มีโอกาสตอบซึ่งกันเเละกัน ซักถามข้อสงสัย ศึกษาพฤติกรรมของคนเหล่านั้นซึ่งเป็นการต่อยอดความรู้ได้เป็นอย่างดี
อีกอย่างวัยรุ่นสมัยนี้มีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องการอ่านหนังสือกันน้อยมาก คงเป็นเพราะกระเเสเเฟชั่นมาเเรงกว่า ซึ่งบางครั้งเมย์มองว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมานั่งอ่านหนังสือเพื่อเป็นการเสพข้อมูลความรู้เพียงด้านเดียว ปัจจุบันคงต้องยอมรับว่ากระเเสเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะวิถีชีวิตของวัยรุ่นที่จะต้องติดตามข้อมูลข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต หรือเเม้กระทั้งทางโทรศัพท์เพื่อให้ทันยุคทันสมัยของกระเเส รวมทั้งเมย์ด้วย
เเต่หากจะมองถึงปัญหาด้านการอ่านหนังสือน้อยของวัยรุ่นคงมีปัจจัยหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นกระเเสเทคโนโลยีที่เปิดกว้าง เเละง่ายต่อการเสพ หรือเเม้กระทั่งการปลูกฝังเรื่องการอ่านตั้งเเต่ระดับรากหญ้าซึ่งเริ่มตั้งเเต่ สถาบันครอบครัว โรงเรียน หรือเเม้กระทั่งภาคประชาชนเเละรัฐบาลเองว่า ณ เวลานี้ได้ตระหนักถึงปัญหากันหรือไม่ หากมองว่ามันเป็นปัญหา ใช่ เเต่ประกาศปาว ๆ ว่าประชาชนอ่านหนังสือกันน้อย เเล้ว พวกท่านทำอะไรกันบ้างในขณะนี้ ที่มันบ่งบอกว่าให้ความสำคัญในเรื่องของการอ่านเเละทำให้เห็นเป็นรูปธรรม
ห้วงยามระหว่างการสนทนาถึงประเด็นที่ผมอยากรู้ ถูกถ่ายทอดผ่านมุมมองของหนึ่งและเมย์นี้ ยังคงมีเรื่องราวที่ต้องให้ขบคิดอีกมากมายถึงแนวคิดการดำเนินชีวิตในแง่มุมต่าง ๆ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการอ่านหนังสือในแง่ของปัจเจก ของวัยรุ่นซึ่งช่วยสะท้อนให้เห็นถึงระบบการศึกษาที่ทำให้นักเรียน นักศึกษา อ่านหนังสือเพียงเพื่อทำข้อสอบผ่านเท่านั้น แต่ไม่เพียงพอที่จะใช้ประกอบการดำเนินชีวิต หรือนี่เป็นเพียงริ้วรอยและเรื่องราวที่อยู่ในห้วงยามแห่งยุคที่เรียกได้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศกับวิถีการอ่าน
ของวัยรุ่น
|